เราและนาย >> kookv <<
คนที่ผมรักจริงๆแล้วคือใครกันนะ แต่ที่แน่ๆพวกเราสามคนเป็นเพื่อนสนิทกัน
ผู้เข้าชมรวม
69
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
จริงๆแล้วหัวใจของคนเราก็ซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจ
หรืออาจเป็นเพราะว่า
เราไม่กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง ว่าจริงๆแล้วเรารู้สึกอะไร
กับใคร
ตัวผมก็เช่นกัน
ตัวผมตอนนี้เองก็กำลังประสบปัญหาที่ไม่สามารถสรุปออกมาแน่ชัดว่า
จริงๆแล้วหัวใจของผมนั้น รู้สึกอย่างไรกันแน่…..
ผมว่าผมคงต้องปล่อยไปตามสถานการณ์ที่เล็งเห็นว่ามันสมควรจะเกิดขึ้น
หรือเรียกอย่างง่ายๆที่รู้กันดีว่า ทำตามหัวใจของตัวเองคงจะดีกว่าหรือมันอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วครับ
จอน จองกุก
ทุกคนเคยแอบชอบเพื่อนสนิทของตัวเองหรือไม่ครับ มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่ามันได้เกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาจริงๆแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่จังหวะของหัวใจผมมันเต้นแปลกไป มันเร็วขึ้นจนผมรู้สึกเหมือนกับว่ามันจะระเบิดออกมาแทบทุกครั้งที่ใกล้กับเพื่อนสนิทของผมคนนั้น แล้วมันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ครั้งใดที่เพื่อนสนิทของผมมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนที่มันชอบให้ผมฟังแล้วรู้สึกเหมือนมีใครควักหัวใจของผมออกมาบีบขย้ำซ้ำๆอยู่อย่างนั้น…..
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันก็ไม่รู้นะครับ รู้ตัวอีกทีมันก็เกิดขึ้นแล้ว
คิม แทฮยอง
ปาร์ค จีมิน
มิน ยุนกิ
คิม นัมจุน
คิม ซอกจิน
จอง โฮซอก
และ พัค โบกอม
ติดตามเรื่องราวความรักที่แสนจะซับซ้อนได้ในเร็วๆนี้ >>>>
บทที่ 0 เพื่อนสนิท
--จอน จองกุก--
“ไหน เด็กๆคนไหนพอจะบอกอาจารย์ได้บ้างว่า
หัวใจของมนุษย์เรานั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง”
ผมนั่งคิดอยู่นานเลยล่ะครับ ว่าสิ่งที่อาจารย์ถามนั้น เกี่ยวข้องอย่างไรกับวิชาประวัติศาสตร์ที่เรากำลังเรียนอยู่ในคาบนี้
ก็ทำไงได้อาจารย์คนนี้เขาเป็นอาจารย์เจ้าบทกลอนสุดเพ้อฝันนี่นะเรื่องพวกนี้เลยถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
อ้อ ผมคงลืมบอกไปว่าผมเรียนอยู่มัธยมปลายปี 3
ครับ ที่นี่เป็นโรงเรียนมัธยมปลายที่โด่งดังในโซลเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
เขาว่ากันว่าหากใครที่สอบเข้ามาเรียนที่นี่ได้แล้ว ก็จะเท่ากับว่าเป็นระดับหัวกะทิอันดับต้นๆเลยล่ะครับ
แต่แปลกที่ตัวผมนั้นกลับไม่ได้มีความคิดแบบนั้น เพราะผมเห็นได้จากเจ้าเพื่อนสองคนของผมที่นอนหลับทับสมุดกับหนังสือจนน้ำลายยืดย้อยออกมาแถมคงจะเหนียวกว่าน้ำผึ้งด้วยซ้ำ
แหะๆ แค่เปรียบให้เห็นภาพน่ะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าพวกมันสองคนไปอดหลับอดนอนมาจากไหน
ว่าแล้วก็รีบปลุกพวกมันดีกว่าก่อนที่อาจารย์สอนประวัติศาสตร์ที่ตอนนี้ลามไปพูดเรื่องทฤษฎีเกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดของคนเราจะเดินมาเขกหัวพวกมันเข้า
“เห้ย ตื่นได้แล้ว พวกนายน่ะ นี่ตื่นเร็ว”
“โอ้ย จะปลุกทำไมเนี่ยจองกุก
เห็นไหมว่าเรากำลังจะได้เปิดแกลเลอรี่เป็นของตัวเองอยู่แล้ว”
เสียงคิม แทฮยอง บ่นแบบโอดโอยชนิดที่เรียกได้ว่า
ผมคงจะไปดับฝันกลางวันของมันแหงๆ เพื่อนของผมคนนี้ไม่ค่อยเหมือนใครหรอกครับ
“ฮ่าๆ หาววว เห้อจะหมดคาบแล้วหรอ นี่เรานอนไปนานแค่ไหนแล้วนะ”
ปาร์ค จีมิน
ยันตัวเองขึ้นมาจากโต๊ะที่เป็นหมอนใบที่สองของเขาเมื่อสักครู่ด้วยท่าทางที่เหมือนกับลูกแมวกำลังอยากได้ไหมพรมมากัดเล่นเลย
แล้วทำไมผมถึงต้องยิ้มไปกับท่าทางพวกนั้นขนาดนี้กันนะ
และก็เป็นอย่างที่คิดตอนนี้เสียงอาจารย์ที่กำลังพูดอยู่หน้าห้องเงียบหายไป
แต่ทว่า….
“จอน จองกุกใช่มั้ย
นี่เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงคุยกันเสียงดังเอะอะไปจนถึงหน้าห้อง”
กลับมาอยู่ข้างๆหูซ้ายของผมชนิดที่ว่าเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาได้อย่างแน่นอนเลยแหละครับ
แต่เดี๋ยวนะแล้วทำไม
ผมที่หวังดีกับเพื่อนถึงกลับถูกเรียกชื่ออยู่คนเดียวล่ะ
“เธอได้ฟังที่อาจารย์พูดไปเมื่อสักครู่รึป่าว”
เอาแล้วไง ความซวยมาเยือนผมแล้วล่ะครับทุกคน
“เอ่อ ไม่…ไม่ได้ฟังเลยครับ”
ก็คนไม่ได้ฟังจะให้บอกว่าฟังก็คงจะไม่ใช่ จริงไหมล่ะครับ
ผมเป็นคนตรงๆนี่
“ช่างเถอะ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก อาจารย์แค่อยากรู้ว่าพวกเธอมีอะไรกันเฉยๆน่ะ
แต่วัยว้าวุ่นอย่างพวกเธอรู้ไว้ก็ไม่เสียหายนะ”
“รู้อะไรหรอครับ”
ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะสงสัย
“ก็เรื่องระหว่างสมองกับหัวใจน่ะ คิก”
อาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์คนนี้ชักจะกวนประสาทผมเกินไปแล้ว
แล้วไอท่าทางการขยิบที่หางตาข้างซ้ายพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ผมนี่มันอะไรกัน คนอย่างผมจำเป็นต้องรู้เรื่องอะไรพวกนี้ด้วยหรอ
ไร้สาระ เป็นคำเดียวที่ผุดขึ้นมาในความคิดของผมในตอนนี้
โรงอาหารที่แสนวุ่นวาย
“เอาข้าวผัดกิมจิครับ”
“กินแต่ผัดกิมจิไม่เบื่อรึไงจองกุก”
เสียงแจ้วๆที่ผมมักจะได้ยินยู่เสมอถามขึ้น
“ไม่ล่ะ ว่าแต่นายเถอะ กินแต่โค้กกับแฮมเบอร์เกอร์ไม่กลัวพุงย้อยรึไง”
ผมตอบกลับคิม แทฮยองไปด้วยท่าทีกวนๆ อีกฝ่ายก็ทำหน้ามุ่ยใส่ผมแถมยังเดินนำโด่งไปโดยที่ทิ้งให้ผมหาทางเดินไปโต๊ะกินข้าวเองลำพังซะได้
“นี่จองกุก เสร็จรึยัง ไปพร้อมกันมั้ย”
แต่กับปาร์ค จีมินคนนี้เขาช่างนิสัยดีเหลือเกิน ผมล่ะชอบเขาจริงๆ
หมายถึงชอบนิสัยนะ
“ไปสิ”
ว่าแล้วก็ตอบกลับอีกฝ่ายไปอย่างทันท่วงที น้ำเสียงของผมตอนนี้ต่างจากที่คุยกับคิม
แทฮยองเป็นไหนๆ
ผมและจีมินเดินมาถึงที่โต๊ะ ก็เห็นเจ้าของน้ำโค้กและแฮมเบอร์เกอร์
นั่งหงอยเหมือนคอยใครอยู่อย่างนั้น
“กว่าจะมากันนะ เรารอจนท้องร้องดังกว่าเสียงแตรรถแล้ว”
“งั้นก็คงจะไม่ดังเท่าไหร่หรอก เพราะแตรรถเราเบาจะตาย
คิก”
เอาอีกแล้ว ผมเป็นฝ่ายเปิดสงครามประสาทอีกแล้ว ทำไงได้ก็แทฮยองเพื่อนผมคนนี้
น่าแกล้งซะจริงๆ
“นี่ จองกุ...”
“เอาน่า ทั้งสองคน จองกุก
ทำไมถึงได้ชอบแกล้งแทฮยองอยู่เรื่อยเลยนะนายเนี่ย”
ยังไม่ทันที่แทฮยองจะสวนผมกลับมา ผมก็โดนจีมินดุซะแล้ว
แต่ดุด้วยท่าทางน่ารักแบบนั้นผมควรกลัวหรือควรรู้สึกดีแทนกันนะ
“โทษทีนะ มาๆรีบกินข้าวกันเถอะหิวจะแย่แล้ว”
ผมรีบตัดบทสนทนาเพราะเจ้าท้องของผมนี่ก็เริ่มร้องขึ้นมาเหมือนแตรรถเช่นเดียวกับแทฮยองแล้วล่ะ
สวัสดีค่า Reader ที่น่ารัก
ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านนะคะ
ก่อนอื่นที่เราตัดสินใจเขียนฟิคเรื่องนี้เป็นเพราะว่า
เราอยากอ่านแนวนี้แต่ไม่มีใครแต่งก็เลยใช้ประสบการณ์อันน้อยนิดที่ได้เรียนรู้มาจากฟิคเรื่องอื่นๆที่ได้อ่านมาหลากหลายเรื่อง
ฟิคเรื่องนี้ภาษาอาจจะไม่ได้สวยมากแต่ก็จะพยายามสื่อให้ทุกคนที่มาอ่านเข้าใจและอินไปกับตัวละครในเรื่องนี้นะคะ
ถึงอย่างไรก็ฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ
ติชมกันได้ตามสบายเลยค่ะ
หรือเข้ามาพูดคุยกันที่แท็ก #เราและนายกุกวี
แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าฟิคเรื่องนี้ โรแมนติกดราม่านะค้าบ
>> Enjoy reading <<
ผลงานอื่นๆ ของ fahhi ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ fahhi
ความคิดเห็น